เรียนโหราศาสตร์ ภาคพื้นฐาน (คลิก !!)
เรียนโหราศาสตร์ ภาคพยากรณ์ (คลิก !!)
ดวงชะตา 12 ราศี ปี 2568 โดย อ.แก้ว นพเก้า (คลิก !!)
FASTDUANG - COMMUNITY ของคนชอบดูดวง ดวงเด่น แม่นยำ ทันใจ ต้อง "fastดวง" (คลิก !!)
บรมฤๅษี พระภรตมุนี รุ่น ร่วมบุญสร้างพระภรตมุนี จัดสร้างปี 2554 โดย วัดป่าธรรมโสภณ จังหวัดลพบุรี และ อ.ลักษณ์ โหราธิบดี
เหรียญขนาด 2 CM เนื้อทองคำ 9 องค์ เนื้อเงินรมดำ 59 องค์ เนื้อนวโลหะ (แก่ทองคำ) 200 องค์ เนื้อนวโลหะ 9,999 องค์ "พระภรตมุนี มหาฤๅษี" มหาฤๅษีผู้ประทานศิลปะวิทยา ผู้มีฤทธิ์ดุจองค์มหาเทพพระศิวะ เจ้าแห่งดนตรีและศิลปะ ประทานฤทธิ์ เดช อำนาจ บารมี ปัญญา โดยเฉพาะเด็กดื้อ เด็กที่อยู่ในวัยเรียน หรือเด็กขี้โรค ควรบูชา
ประวัติองค์พระภรตมุนีฤๅษี
ประวัติองค์พระพระภรตมุนีมีกล่าวไว้ชัดเจน อยู่ในตำนานการฟ้อนรำของอินเดีย ปรากฏใน โกยินปุรานะ ฉบับอินเดียว่า กาลครั้งหนึ่ง ฤๅษีกลุ่มหนึ่งในตั้งอาศรมบำเพ็ญพรตอยู่กับภรรยาในป่าตาระคา ต่อมา อสูรมูลาคณี (มุละยะกะ) ได้ชักชวนมอมเมาฤๅษีผู้บำเพ็ญเพียร ให้ใฝ่หาในทางกามรูป ประพฤติผิดมิฉาจาร ทำให้ฤๅษีพวกนี้มีประพฤติผิดลูกเขาเมียท่านซึ่งกันและกัน ฝ่าฝืนเทวบัญญัติ ศีลไม่งาม ร้อนถึงองค์พระศิวะหรือพระอิศวร จึงได้ชวนให้พระนารายณ์ลงมาปราบ โดยพระอิศวรหรือพระศิวะเจ้า ทรงแปลงพระองค์เป็นโยคีหนุ่มรูปงาม พระนารายณ์เจ้าทรงแปลงพระองค์เป็นเทพสตรีผู้มีความงดงาม และเป็นภรรยาของโยคีหนุ่ม เพื่อล่อให้พวกฤๅษีและภรรยาเกิดความลุ่มหลงในความงดงามของทั้งสอง ด้วยอำนาจราคะจริตจนเกิดทะเลาะวิวาทแย่งชิงในหมู่ฤๅษีและภรรยา แต่พระศิวะและพระนารายณ์เจ้าไม่ตกลงปลงใจด้วย พวกฤๅษีจึงช่วยกันสาป ด้วยฤทธิ์ฤๅษี แต่ก็ไม่สามารถทำอันตรายพระผู้เป็นเจ้าทั้งสองพระองค์ได้ ฤๅษีจึงเนรมิตเสือ เพื่อจะให้มาฆ่าโยคีปลอมและภรรยาให้ตายตกไปตามกัน พระอิศวรในภาคของโยคีหนุ่มก็ได้ฆ่าเสือ แล้วถลกหนังสือมาทำเครื่องฉลองพระองค์ ฤๅษีก็เนรมิตพญานาคขึ้นมา เพื่อพ่นพิษใส่โยคีหนุ่มและภรรยา พระอิศวรเจ้าก็จับพญานาคมาพันเป็นสังวาลประดับพระองค์ ต่อจากนั้นก็ทรงแสดงปาฏิหาริย์ด้วยการเต้นร่ายรำอยู่ไปมา พวกฤๅษียังไม่สิ้นฤทธิ์ ขณะนั้น อสูรมูลาคณี (มุละยะกะ) กรากเข้ามาช่วยเหลือพระฤๅษี พระอิศวรในเพศของโยคี จึงใช้พระบาทขวาเหยียบมุละยะกะ แล้วทรงฟ้อนรำอยู่บนหลังยักษ์ตนนั้น จนหมดกระบวนท่าฟ้อนรำต่างๆ ฤๅษีเห็นการเปลี่ยนไปดังนี้ก็สิ้นทิฏฐิยอมรับผิด ทูลขอขมาโทษ ให้สัญญาว่าจะปฏิบัติตนอยู่ในเทวบัญญัติอย่างเคร่งครัดต่อไป ต่อมา พญาอนันตนาคราช ซึ่งเป็นบัลลังก์พญานาคของพระนารายณ์ ได้ทรงฟังพระนารายณ์เล่าถึงการฟ้อนรำของพระอิศวรที่ป่าตะระคา ก็มีความปรารถนาที่จะดูการฟ้อนรำของพระอิศวรบ้าง พระนารายณ์ก็แนะนำให้พญาอนันตนาคราชบำเพ็ญพรตปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อบูชาพระอิศวร และขอพรจากพระอิศวร เพื่อที่จะได้ดูการร่ายรำขององค์พระศิวะอีกครั้งหนึ่ง พระศิวะเห็นถึงความศรัทธาในอนันตนาคราช จึงได้ตอบรับจะฟ้อนรำให้ดูในโลกมนุษย์ให้พญาอนันตนาคราชดู ณ ตำบลจิทัมพรัม และทรงเนรมิต นฤตสภา ขึ้น แล้วทรงฟ้อนรำตามที่ทรงประทานสัญญาแก่พญาอนัตนาคราชเป็นสาระที่สอง พระอิศวรมีพระประสงค์ที่จะแสดงการฟ้อนรำให้เปรากฎเป็นแบบฉบับตามคำทูลขอของพระภรตมุนี ซึ่งเป็นผู้ได้รับบัญชาจากพระพรหม ให้เป็นผู้รวบรวมตำราการฟ้อนรำขึ้น ในครั้งนี้พระอิศวรก็ทูลเชิญพระองค์มาเป็นพระประธาน เสด็จประทับเหนือสุวรรณบัลลังก์ ให้พระสุรัสวดีดีดพิณ พระอินทร์เป่าขลุ่ย พระพรหมตีฉิ่ง พระลักษมีขับร้อง พระนารายณ์ตีโทน พระอิศวรทรงฟ้อนรำ พระภรตมุนีทรงบันทึกท่าฟ้อนรำของพระอิศวรไว้ทุกท่าทุกกระบวนความ เพื่อเป็นตำราการฟ้อนรำแก่มุษย์ทุกหมู่เหล่าสืบไป ชาวอินเดียจึงถือว่าพระอิศวรเป็น นาฏราช และในประเทศอินเดียที่เมืองจิทัมพรัม ซึ่งในปัจจุบันห่างจากเมืองมัทราส ราว ๑๕๐ ไมล์ มีเทวาลัยชื่อ จิทัมพรัม ชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่า เทวาลัยศิวะนาฏราช สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. ๑๘๐๐ นี่คือเรื่องราวของ นาฏยศาสตร์ ที่รจนาโดย พระภรตมุนี พระภรตมุนีจึงเป็นปฐมกำเนิดแห่งท่าร่ายรำ นาฏยศาสตร์ ที่ยิ่งใหญ่ของโลก สืบเนื่องมาจนถึงชนชาติไทย ดังนั้นการครอบครู ศิลปะ จึงนำเอาการครอบเศียรของพ่อหรือองค์พระภรตมุนีมหาฤๅษี ผู้ที่ได้บูชาคุณของฤๅษีพระองค์นี้ จะเปลี่ยนแปลงดวงชะตาจากร้ายกลายดี บันดาลให้เกิดเสน่ห์ เมตตามหานิยม โชคลาภ และมีศิลปะที่งดงาม ในการที่จะดำเนินชีวิต หากประกอบกุศลสุจริต ก็จะมีฤๅษีคุ้มครองพิทักษ์รักษาและประทานพร และเนื่องด้วย อ.ลักษณ์ เรขานิเทศ มีความปรารถนาที่จะสร้าง พระภรตมุนี ในท่าร่ายรำ ซึ่งทุกครั้งที่ครูครอบประกอบพิธีครอบครูให้เสร็จเรียบร้อย ท่านจะมีท่าร่ายรำ ทั้งตอนพราหมณ์เข้า และตอนที่ท่านประสิทธิ์ประสาทพร และตอนลากลับ ถือว่าเป็นมหามงคล ซึ่งเป็นท่าร่ายรำที่งดงาม ท่าร่ายรำที่พราหมณ์เข้าเสมอเถร ถือว่าเป็นท่าที่งดงาม ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการสร้าง เพื่อแสดงความกตัญญูกตัญญุตาคุณต่อบรมฤๅษี พระภรตมุนีนั้น โดยจะจัดสร้างและประดิษฐาน ณ วัดป่าธรรมโสภณ จังหวัดลพบุรี เหรียญพระภรตมุนีมหาฤๅษี จึงเป็นเหรียญที่ระลึกแก่ผู้ที่จะได้ร่วมสร้างพ่อแก่ หรือบรมครูฤๅษีภรตมุนี เพื่อให้เกิดความสุขสวัสดี ความเป็นสิริมงคล และเพื่อรำลึกนึกถึงคุณของพระฤๅษี บรมฤๅษีท่านนี้ และเพื่อเป็นรูปเคารพเพื่อจะได้สถิตแห่งดวงจิตดวงวิญญาณ ที่จะพิทักษ์รักษาสาธุชน ปวงชนผู้มีจิตศรัทธา และผู้เป็นคนดี จึงได้ก่อกำเนิดเหรียญพระภรตมุนีมหาฤๅษี ผู้บันทึกท่าร่ายรำขององค์ศิวะนาฏราช อุบัติขึ้นในนามของ สถาบันพยากรณ์ศาสตร์ โดย อ.ลักษณ์ เรขานิเทศ เป็นประธารจัดสร้าง ให้เป็นมงคลที่ระลึกร่วมบุญร่วมสร้างพระภรตมุนีมหาฤๅษี ผู้จารึกท่าร่ายรำขององค์พระ เรียกว่า นาฏยศาสตร์ ศิวะนาฏราช
ฤๅษี เทวตาคุณ
อำนาจบุญฤทธิ์ของผู้ที่ศรัทธาครอบครองและบูชา รูปเคารพ เหรียญพระภรตมุนีมหาฤๅษี บันทึกท่าร่ายรำศิวะนาฏราช จะเป็นเสน่ห์ เมตตามหานิยมแก่มนุษย์ เทวา นาคา ครุฑ ทุกหมู่เหล่า จะเป็นเมตตามหานิยมต่อสาธุชนผู้เป็นคนดี เกื้อกูลต่อกัน และทำให้เกิดโชคลาภ ความสุข ความสำเร็จ และความเจริญ มีสติปัญญาเป็นเลิศ พ้นทุกข์โศกโพยภัย โรคเวรโรคกรรมนานาประการ มีศิลปะในการดำเนินชีวิต ที่ทำให้คิดสิ่งใด ปรารถนาสิ่งใด มีหนทางลู่ทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ดารานักแสดงก็มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับ ประชาชนก็ดำเนินชีวิตด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ผู้ปรารถนาในสิ่งใดก็จะสมหวังสมปรารถนา ด้วยวิริยะอุตสาหะนำพา และประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลกรอบธรรมที่เป็นมงคล โดยมีคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะเป็นที่พึ่ง และมีบารมีของฤๅษีมหาฤๅษี เป็นที่คุ้มครอง ประสิทธิ์ประสาทประทานพร เด็กๆถ้ามีไว้ประจำตัว จะไม่เจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆ จะมีสติปัญญาดี เรียนหนังสือเก่ง พิธีพุทธา เทวาภิเษก - ผ่านพิธี ณ วัดลอยเคราะห์ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2555 - ผ่านพิธี ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน วันที่ 24 กรกฎาคม 2554 และวันที่ 15 มกราคม 2555 - ผ่านพิธี ณ วัดศาลาลอย จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2554 และผ่านพิธีพุทธาเทวามังคลาภิเษกครั้งประัวัติศาสตร์ ในวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2554ถึงวันที่ 1 มกราคม 2555 ณ วัดบัวขวัญ จ.นนทบุรี ในพิธีเจริญมหาพุทธมนต์นพเคราะห์ และพิธีพุทธาเทวามังคลาภิเษก มีพระเกจิอาจารย์นั่งปรกอธิษฐานจิตเป็นจำนวนมาก โดยมี 1. พระธรรมรัตนดิลก (หลวงพ่อเชิด) วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพ 2. พระราชนันทมุนี (หลวงพ่อสำรวย) วัดละหาร จ.นนทบุรี 3. พระราชปัญญาโสภณ (หลวงพ่อเพชร) วัดสระเกศ กรุงเทพ 4. พระครูสุวรรณสีลาธิคุณ (หลวงพ่อพูน) วัดบ้านแพน จ.อยุธยา 5. พระครูพิศาลจริยารม (มหาสุรศักดิ์) วัดประดู่ จ.สมุทรสงคราม 6. พระครูปทุมวรกิจ (หลวงพ่อชำนาญ) วัดบางกุฎีทอง จ.ปทุมธานี 7. พระครูวิมลจันโทภาส (หลวงพ่ออ่าง) วัดใหญ่สว่างอารมณ์ จ.นนทุบรี
การบูชา เมื่อคุณมีรูปเคารพเป็นรูปภาพหรือเหรียญพระภรตมุนี ที่ได้มีอยู่นี้ ให้ตั้ง “นะโม” ๓ จบ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (๓ จบ) ตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีพระพุทธคุณ คุณครู ครูบาอาจารย์ที่คุณเคารพนับถือ (เอ่ยนามออกมา) แล้วก็กล่าวถึงพระภรตมุนีมหาฤๅษี ท่านจะช่วยได้ทุกทางที่ไม่ผิดศีลธรรมและข้อกฎหมายอันชอบธรรม แล้วก็กล่าวพระคาถาว่า โอม นะโม พระภะระตายะ นะโมนะมะ คันธะมาลา สิทธาหะนัม กะพะมะนะ สัมมาอะระหัง วันทามิ หรือ พระคาถาอีกบทหนึ่ง กล่าวว่า โอม พระภรตมุนีมหาฤๅษี ผู้ทรงญาณ รับเทวโองการจากพระมหาพรหม เริ่มการละครเป็นปฐมมหกรรม นำท่าร่ายรำ ศิวะนาฏราช รจนานาฏศาสตร์ เป็นโฉลกฉันท์ ข้าขออภิวันทนาการ น้อมกมลมาอาราธนา ขอจงมาสวมคุ้มครองรักษา ประทานพรให้ข้า (ชื่อ – นามสกุล) ประสิทธิ์ศรีสิริสวัสดิ์ ขจัดปวงอุปัทวอันตรายแก่ข้า (ชื่อ – นามสกุล) ณ ที่นี้ อย่ามีโรคภัยพาล สำเร็จกิจเกษมศานต์ เจริญรุ่งเรือง ด้วยทรัพย์ศฤงคาร ตลอดกาลนาน เทอญ
บรมฤๅษี พระภรตมุนี